การจัดการความเสี่ยงในธุรกิจนำเที่ยว
ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวออกนอกประเทศ (Outbound Tour Operator)
ของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวออกนอกประเทศ (Outbound Tour Operator)
นิสิตภาควิชาศิลปาชีพ
กลุ่มที่ 5 ปีการศึกษา 2558
คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงในธุรกิจนำเที่ยว
ทั้งธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ (Inbound) และธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ
(Outbound) โดยนำเสนอเนื้อหาจากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในตำรา
บทความ และการสัมภาษณ์จากผู้ประกอบการ 3 แห่ง ได้แก่ 1.บริษัทรุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์
แทรเวิล จำกัด 2.บริษัท เอ็ม ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล จำกัด และ 3.บริษัท จอย
แทรเวล จำกัด จากการศึกษาพบว่า ความเสี่ยงสำหรับธุรกิจนำเที่ยวแบ่งออกเป็นความเสี่ยงโดยทางตรง
(ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นภายในองค์การและภายนอกองค์การ) และความเสี่ยงโดยทางอ้อม
(นักท่องเที่ยวและผู้ส่งปัจจัยการผลิต)
ซึ่งขั้นตอนของกระบวนการจัดการความเสี่ยงแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่
1.ขั้นตอนการระบุความเสี่ยง 2.ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยง
3.ขั้นตอนการเลือกแนวทางในการตอบสนองความเสี่ยง 4.พัฒนาแผนจัดการความเสี่ยง
5.ดำเนินงาน ติดตาม สื่อสารและปรับแผน โดยแต่ละขั้นตอนและวิธีการที่เลือกใช้
จะแตกต่างกันไปในแต่ละองค์การ ขึ้นอยู่กับขนาด โครงสร้าง ผู้บริหาร ทรัพยากร
และความเสี่ยงที่องค์การนั้นๆมี จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการทั้ง 3 แห่ง พบว่า
ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงในเรื่องบุคลากร อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
ภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย เป็นต้น
______________________________________________
บทนำ
ในปัจจุบันการเดินทางท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งค่านิยมที่คนเราให้ความสนใจกันมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของตนเอง
หรือการท่องเที่ยวเพื่อทำธุรกิจต่างๆ
กลุ่มตลาดของนักท่องเที่ยวก็มีการเติบโตและกว้างขวางมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจนำเที่ยวมีการเติบโตขึ้นมาก
ทั้งธุรกิจนำเที่ยวในประเทศและธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ
ซึ่งในการประกอบธุรกิจต่างๆ มักจะมีผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกเสมอ
ทุกองค์การจำเป็นต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆมากมาย
ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว
ก็ต้องแก้ไขไปตามสถานการณ์และศักยภาพที่สามารถทำได้ในขณะนั้น
แต่สำหรับปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้น
เราจำเป็นต้องมีวิธีป้องกันและรับมือเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
ซึ่งปัญหาที่ยังไม่เกิดขึ้นนี้เรียกอีกอย่างว่า “ความเสี่ยง
(Risk)” ความเสี่ยง คือ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด
ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่า หรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตและมีผลกระทบหรือทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์การ
ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ การปฏิบัติงาน การเงินและการบริหาร ส่วนการบริหารความเสี่ยง
คือ กระบวนการดำเนินงานขององค์การที่เป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้องค์การลดมูลเหตุของแต่ละโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย
ให้ระดับของความเสียหายและขนาดของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
อยู่ในระดับที่องค์การยอมรับได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบได้อย่างมีระบบ
โดยคำนึงถึงการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์การเป็นสำคัญ สำหรับธุรกิจนำเที่ยวเองก็มีความเสี่ยงที่มีรายละเอียดแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ
ซึ่งทางผู้จัดทำได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้
และต้องการศึกษาองค์ความรู้ในด้านนี้เพื่อนำไปปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานในอนาคตร่วมกับองค์การต่างๆ
เช่น การวางแผนจัดการความเสี่ยง การรับมือ การเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงเพื่อนำเสนอข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจและต้องการศึกษา
โดยมีประเด็นการศึกษาคือ 1.ประเภทและหลักการทั่วไปในการจัดการความเสี่ยง
2.ความเสี่ยงและสาเหตุที่เกิดขึ้นในธุรกิจนำเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3.กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่ประสบความสำเร็จของบริษัทต่างๆ ในธุรกิจนำเที่ยวหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยเนื้อหาต่างๆนำมาจากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในตำรา บทความ
และการสัมภาษณ์จากผู้ประกอบการ 3 แห่ง (1.บริษัทรุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด
2.บริษัท เอ็ม ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล จำกัด และ 3.บริษัท จอย แทรเวล จำกัด)
ความเสี่ยงและสาเหตุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในธุรกิจนำเที่ยว
ความเสี่ยงในธุรกิจคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดหรืออาจเป็นเหตุการณ์ที่องค์การไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
(Queensland
Tourism, 2009) ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งและอาจเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นหรือยาว
แต่ล้วนสร้างความเสียหายด้านการตลาด การเงิน ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ความมั่นคง
หรือความปลอดภัยแก่บุคลากรและองค์การ ด้วยเหตุนี้
เจ้าของหรือผู้บริหารองค์การจึงจำเป็นต้องมีแนวทางในการจัดการความเสี่ยงซึ่งเป็นกระบวนการในการกำหนดกลยุทธ์
ระบุเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อองค์การ
และจัดการความเสี่ยงให้อยู่ภายในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าองค์การสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การได้
(COSO, 2004)
ความเสี่ยงจะมีผลกระทบต่อปัจจัยที่สำคัญขององค์กรอยู่
4 ประการด้วยกัน ได้แก่
1.
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้บริหาร ลูกค้า
และผู้ถือหุ้น
2. ทรัพย์สินขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆ อาคารสถานที่ รวมทั้งป้ายสัญลักษณ์ขององค์กร
2. ทรัพย์สินขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆ อาคารสถานที่ รวมทั้งป้ายสัญลักษณ์ขององค์กร
3. รายได้
ไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุน ค่าใช้จ่ายในการชดเชย รายได้ที่อาจลดลงอันสืบนื่องมาจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
4. ชื่อเสียง
ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือต่อนักลงทุน บุคคลภายนอก บุคคลภายใน และโอกาสที่จะกลับเข้าสู่การดำเนินกิจการให้ได้เหมือนเดิมอีกครั้ง
สาเหตุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในธุรกิจนำเที่ยว
สามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ โดยเกิดจากปัจจัยแวดล้อมภายใน เช่น
บุคลากรไม่มีประสิทธิภาพ การเงินภายในองค์การไม่มีความคล่องตัว เป็นต้น
รวมทั้งเกิดจากปัจจัยแวดล้อมภายนอก เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินบาท นโยบายของรัฐบาล
ภัยธรรมชาติ การแข่งขันในตลาด เป็นต้น
ซึ่งในแต่ละองค์การจะมีสาเหตุของความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมภายในขององค์การ และสถานการณ์ที่องค์การกำลังเผชิญ
ดังนั้น การกำหนดกลยุทธ์ การหาแนวทาง และการเตรียมการรับมือจึงมีความแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น
การใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงจากกรณีศึกษาของทั้งสามบริษัทจัดนำเที่ยว
ประเภทและหลักการของความเสี่ยง
ในการดำเนินกิจการขององค์กร
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานมีความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
การที่จะรักษาไว้ซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขันจึงต้องมาพร้อมกับการเลือกกลยุทธ์ที่ดีและการตัดสินใจที่เหมาะสม
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก็ครอบคลุมหลายปัจจัยทั้งลักษณะประชากรศาสตร์ เศรษฐกิจ
เทคโนโลยี เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ
และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจนำเที่ยวด้วย
ในแต่ละวัน
องค์กรจะเผชิญความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ในธุรกิจทั่วไป ความเสี่ยงมักมาใน 2
ลักษณะเสมอซึ่งก็ส่งผลต่อความไม่แน่นอนในอนาคตของการทำธุรกิจ
ความเสี่ยงทั้ง 2 ลักษณะนั้น ได้แก่
ความเสี่ยงที่มาจากการเก็งกำไร (Speculative risks) เช่น
การลงทุนทางการเงิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับโอกาสที่จะได้หรือเสียกำไร และความเสี่ยงที่แท้จริง
(Pure Risks) เกี่ยวข้องกับโอกาสที่จะสูญเสียหรือไม่สูญเสีย
จะเห็นว่าความเสี่ยงทั้ง 2 ลักษณะนี้แตกต่างกัน
แบบแรกมีความเสี่ยงแต่มีโอกาสที่จะได้กำไรหรือผลตอบแทน แต่แบบที่สอง
มีแต่สถานการณ์ที่ไม่สูญเสียหรือเสมอตัวเท่านั้น ไม่มีโอกาสได้ผลตอบแทนใดๆ (ดร.ชัยเสฏฐ์
พรหมศรี, 2550) ความเสี่ยงเหล่านี้หากผู้บริหารเพิกเฉยหรือไม่ให้ความสนใจต่อความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ
ก็อาจก่อให้เกิดผลกระทบได้ เช่น สุขภาพและความปลอดภัยของบุคลากรและลูกค้า
ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของหน่วยงาน สถานะทางการเงิน เป็นต้น
การบริหารความเสี่ยง (Risk
Management) หรือ กระบวนการจัดการความเสี่ยง เป็นกระบวนการเกี่ยวกับการระบุเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อองค์การ
โดยลดโอกาสของการสูญเสียซึ่งมาจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเป็นการจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นให้สร้างความสูญเสียแก่องค์การให้น้อยที่สุด
โดยทั่วไป กระบวนการจัดการความเสี่ยงนั้นประกอบด้วย 5 ขั้นตอนที่สำคัญ
ดังต่อไปนี้
1) การระบุความเสี่ยง (Risk
Identification) และโอกาสของความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
เป็นกระบวนการที่เปิดเผยและกำหนดว่าความเสี่ยงที่เป็นไปได้ขององค์การมีอะไรบ้าง
โดยผู้บริหารหรือในบางองค์การอาจมีแผนกจัดการความเสี่ยงโดยเฉพาะ
ผู้รับผิดชอบต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อระบุถึงโอกาสของความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปประเภทของความเสี่ยง
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงทางตรง
และความเสี่ยงทางอ้อม
ความเสี่ยงภายในองค์การ
ความเสี่ยงทางตรง หมายถึง เหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบโดยตรงแก่องค์การ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ความเสี่ยงภายในองค์การ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานที่ผิดพลาด และไม่มีประสิทธิภาพของบุคลากรในองค์การ ความเสี่ยงด้านนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามแผนกหรือความรับผิดชอบของงานแต่ละหน้าที่ คือ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการตลาด และความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
ความเสี่ยงทางตรง หมายถึง เหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบโดยตรงแก่องค์การ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ความเสี่ยงภายในองค์การ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานที่ผิดพลาด และไม่มีประสิทธิภาพของบุคลากรในองค์การ ความเสี่ยงด้านนี้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามแผนกหรือความรับผิดชอบของงานแต่ละหน้าที่ คือ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการตลาด และความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
จากการสัมภาษณ์พบว่าบริษัทรุ่งทรัพย์
ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เปิดมานานและมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ จึงมีการจัดการที่ดีในระดับหนึ่ง
อย่างความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดแผนกลยุทธ์
แผนการดำเนินงาน และการนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติอย่างผิดวัตถุประสงค์
ความเสี่ยงประเภทนี้ หากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างมาก
เพราะกลยุทธ์เป็นส่วนที่กำหนดทิศทางหลักขององค์การ
หากกลยุทธ์ผิดพลาดจะส่งผลให้การทำงานไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ ในทางกลับกันบริษัทจอย
แทรเวล จำกัด เพิ่งเปิดบริษัทเป็นระยะเวลาต่ำกว่า 2 ปี ผู้บริหารยังไม่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ
ไม่มีการวางแผนและการบริหารงานในองค์การที่ดี รวมถึงไม่ตระหนักถึงการจัดการความเสี่ยงมากนัก
เพราะการดำเนินธุรกิจในระยะเวลาที่ผ่านมายังไม่พบปัญหาร้ายแรง เช่นเดียวกับบริษัทเอ็ม
ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล จำกัด ที่ไม่มีนโยบายการวางแผนกระบวนการจัดการความเสี่ยง
แม้จะเป็นบริษัทที่เปิดมานานแล้ว แต่หากในอนาคตผู้บริหารของทั้งสองบริษัทยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการจัดการความเสี่ยง
บริษัทจะไม่สามารถรับมือกับความเสี่ยงนั้นได้ทันท่วงทีและจะได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งที่สามารถส่งผลกระทบต่อองค์การ
คือ ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) ความเสี่ยงด้านนี้มักจะเกิดจากปัจจัยภายใน
เช่น การบริหารจัดการที่ไม่ดีด้านสภาพคล่อง ด้านเครดิต ด้านเงินลงทุน
ก่อให้เกิดความไม่คล่องตัวและความไม่มั่นคงทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังด้านอื่นๆ
ทั้งศักยภาพทางการตลาด การผลิต และการพัฒนาบุคลากร
และส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงในที่สุด ความเสี่ยง ความเสี่ยงด้านนี้
บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ฯ พบว่าบุคลากรแผนกการเงินมีโอกาสที่จะทำงานผิดพลาด
คาดการณ์รายรับ-รายจ่ายไม่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลต่อบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำปีกระทบต่อการใช้เงินจริง และอาจสูญเสียกำไรบางส่วนได้
ความเสี่ยงด้านการตลาด
มีผลต่อปริมาณการขายและรายได้ขององค์การ และจะส่งผลกระทบเชิงลูกโซ่ต่อสภาวะทางการเงินขององค์กรต่อมา
นอกจากนี้ยังมี ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
(Operation
Risk) ที่ครอบคลุมงานในแต่ละแผนก ทั้งแผนกการผลิต แผนกนำเที่ยว แผนกทรัพยากรมนุษย์
และแผนกธุรการ ความเสี่ยงด้านนี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน
และคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ความเสี่ยงด้านนี้โดยส่วนใหญ่เกิดจากบุคลากรไม่มีประสิทธิภาพและจำนวนบุคลากรไม่เพียงพอ
ความเสี่ยงของแผนกการผลิตและแผนกนำเที่ยวที่ทั้ง
3
บริษัทสามารถพบได้ เช่น ความเสี่ยงจากการเดินทาง ทั้งทางบก
ทางอากาศและทางเรือ
ที่เกิดจากความผิดพลาดของพนักงานขับรถหรือเกิดจากการประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของบุคลากรแผนกการผลิตและแผนนำเที่ยว
ที่อาจเกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เดินทางได้ หรือการได้รับบาดเจ็บ
การป่วยของนักท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยวหลงทาง
แล้วผู้นำเที่ยวหรือพนักงานผู้ช่วยไม่สามารถแก้ไขปัญหาในตอนนั้นได้
แผนกทรัพยากรมนุษย์ขององค์การก็มีความเสี่ยงไม่น้อยไปกว่ากัน
เพราะงานที่ต้องรับมือกับมนุษย์ ยิ่งมีความซับซ้อน ต้องมองให้ขาดถึงปัญหาที่อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยง
และระบุความเสี่ยงนั้นออกมาให้ได้ บริษัทรุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ฯ มีจำนวนบุคลากร 15-20 คน ในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยวจะมีนักท่องเที่ยวต้องการใช้บริการท่องเที่ยวมาก
ซึ่งบางครั้งบุคลากรของบริษัทไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวได้ทันเวลาหรือไม่สามารถผลิตในระดับคุณภาพสูงสุดได้
อาจส่งผลถึงความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและทำให้ลดโอกาสการซื้อในอนาคตลง ส่วนบริษัทจอย
แทรเวล จำกัด บุคลากรใหม่ขาดประสบการณ์ ทำงานได้ไม่ถึงประสิทธิภาพสูงสุด
เกิดความผิดพลาดในการทำงาน ส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์
ความเสี่ยงภายนอกองค์การ
ความเสี่ยงทางตรง ยังรวมถึง ความเสี่ยงภายนอกองค์การ
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมภายนอก
โดยเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวัตถุประสงค์ขององค์การ เช่น วัฒนธรรม การเมือง
กฎหมาย ข้อบังคับ การเงิน เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมการแข่งขัน
ภัยธรรมชาติและการก่อการร้าย เป็นต้น เนื่องจากความเสี่ยงประเภทนี้องค์การไม่สามารถควบคุมหรือจัดการเหตุการณ์นั้นได้
เมื่อทางสังคมหรือประเทศต่างๆประสบปัญหา องค์การก็จะได้รับผลกระทบ
จากการสัมภาษณ์บริษัทนำเที่ยวต่างประเทศ
พบว่ามีความเสี่ยงที่มีสาเหตุจากสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ
หรือสถานการณ์ของประเทศแต่ละประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของแต่ละบริษัท ความเสี่ยงหลักๆที่พบกันทั้ง
3 บริษัท รวมถึงบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศอื่นๆด้วย คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
ฝ่ายบัญชีไม่สามารถคาดการณ์การต้นทุนการผลิตและรายรับได้
ตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น
บริษัทคำนวณและตั้งราคาขายไว้ในช่วงเวลาที่อัตราแลกเปลี่ยนต่ำ
เมื่อถึงวันชำระเงินให้แก่ผู้ให้บริการภาคพื้นดิน
อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
ทำให้บริษัทสูญเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ควรเป็น
นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่มีโอกาสเผชิญอีก
คือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคระบาด ซึ่งบริษัทรุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ฯ มีจุดหมายปลายทางหลัก
คือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อย ทั้งสึนามิ น้ำท่วม
แผ่นดินไหว และภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น วิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ทำให้มีเหตุให้ต้องยกเลิกการเดินทางอยู่เสมอ
ซึ่งการยกเลิกการเดินทางส่งผลให้บริษัทมีโอกาสสร้างรายได้ลดลง รวมทั้งหากไม่ยกเลิกการเดินทาง
แต่ยังยืนยันการเดินทางนั้นๆอยู่
ก็มีความเสี่ยงที่นักท่องเที่ยวจะได้รับการบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
เช่นเดียวกับบริษัทจอย แทรเวลฯ
ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคระบาดเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้ทางบริษัทจำเป็นต้องยกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินและห้องพัก
ในส่วนของบริษัทเอ็ม ดี ทัวร์ฯ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวในการเลือกจุดหมายปลายทาง
ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตรายการนำเที่ยวของบริษัททัวร์
ความเสี่ยงด้านการเมือง บริษัทเอ็ม ดี
ทัวร์ฯ
พบว่าส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยและเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง
ซึ่งจะกระทบถึงต้นทุนการผลิตของบริษัทเช่นเดียวกัน
ความเสี่ยงทางอ้อม
ความเสี่ยงทางอ้อม
คือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่แน่นอนที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับองค์การโดยตรง
แต่เกิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์การและส่งผลต่อองค์การในทางอ้อม มี 2
ลักษณะ คือ ความเสี่ยงทางอ้อมที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว
และความเสี่ยงทางอ้อมที่เกิดกับขึ้นกับผู้ส่งปัจจัยการผลิต
ความเสี่ยงทางอ้อมที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว
คือ ภัยธรรมชาติในเส้นทางหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยววางแผนจะเดินทางไป เนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจมีความกังวล
ลังเล และไม่เดินทางไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆหรือไม่เดินทางโดยใช้เส้นทางนั้น
ส่งผลให้บริษัทเสียโอกาสในการขายรายการนำเที่ยวที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นอยู่
เช่น
ภัยธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักที่กลุ่มลูกค้าของบริษัท
รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ฯ นิยมเดินทางไป
รวมถึง เรื่องมาตรฐานของโรงแรมและที่พักก็สำคัญ
โดยบริษัทจอย แทรเวลฯ กล่าวว่า หากความสะอาด สิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการของที่พัก
ไม่อยู่ในระดับที่ทำให้ลูกค้าพอใจ
จะกระทบถึงการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัทนำเที่ยวของลูกค้าในครั้งหน้า
แต่หากที่พักที่ทางบริษัทเลือกมา มีมาตรฐานในเรื่องข้างต้นในระดับดี
จะทำให้ลูกค้าพอใจแลเชื่อใจบริษัทนำเที่ยวของเรา พร้อมใช้บริการในครั้งต่อไป เช่นเดียวกันกับคุณภาพร้านอาหาร
ทั้งปัจจัยรสชาติ ปริมาณ สุขอนามัย
ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกใช้บริการครั้งต่อไปของนักท่องเที่ยว
และส่งผลกระทบต่อบริษัทในรูปแบบเดียวกัน
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับผู้จัดส่งปัจจัยการผลิต
ได้แก่ การถูกระงับบินของสายการบิน เนื่องจากประเทศไทยได้รับการแจ้งเตือนของ ICAO
ถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยของกรมการบินพลเรือนไทย
ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจส่งผลให้สถาบันประเมินมาตรฐานอื่นๆ
ทำการทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของไทยเพิ่มเติม แม้ว่าจะพ้นจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก
ICAO ก็ยังไม่ควรนิ่งนอนใจ
เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากสถาบันอื่นๆ หากเกิดการปรับลดสถานะความปลอดภัยจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียความนิยมจากผู้โดยสารโดยทันที
ซึ่งหากเกิดกับสายการบินที่บริษัทใช้บริการอยู่ประจำ
บริษัทอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้นรวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนสายการบิน
ในส่วนของผู้จัดส่งปัจจัยการผลิตด้านอาหารและเครื่องดื่มหรือธุรกิจที่พัก
ถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหล่านี้ เช่น ค่าวัตถุดิบการผลิตสูงขึ้น
จะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท หรือกรณีธุรกิจเหล่านี้มีภาพลักษณ์เสียหาย
ทางบริษัทควรต้องแจ้งตัวแทนจัดการท่องเที่ยวภาคพื้นดินให้จัดหาผู้จัดส่งปัจจัยการผลิตให้
ไม่เช่นนั้นหากลูกค้าทราบถึงปัญหาเหล่านี้ อาจสงสัยและเปลี่ยนใจที่จะใช้บริการของบริษัท
2)
การประเมินความเสี่ยง เมื่อผู้บริหารระบุความเสี่ยงออกมาแล้ว
นำความเสี่ยงเหล่านั้นมาประเมินแนวโน้มที่จะเกิด
วัดความถี่และความรุนแรงของการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
ผู้บริหารต้องพิจารณาทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตและกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
โดยต้องพิจารณาว่าโอกาสของความเสี่ยงนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่และหากเกิดจะเกิดบ่อยแค่ไหน
ในการประเมินความเสี่ยงต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไป บริษัทส่วนมาก รวมทั้งบริษัทรุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ฯ ผู้บริหารหรือผู้จัดการความเสี่ยงอาจกำหนดตารางให้กับบุคลากรในแต่แผนกเพื่อชวยกันระดมสมองในการหาลำดับความสำคัญของความเสี่ยงตามคะแนนที่ต้องระบุไว้
ไม่ได้กำหนดว่าเป็นหน้าที่ของผู้บริหารหรือแผนกบริหารเท่านั้น แต่เป็นการช่วยกันระดมสมอง
เพราะบุคลากรแต่ละแผนกจะสามารถมองเห็นความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นในแผนกของตนได้
ในการประเมินความเสี่ยงสามารถใช้ปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาเพื่อประกอบการกำหนดเกณฑ์ความเสี่ยงได้
ดังนี้
-
ลักษณะและประเภทของผลกระทบที่สามารถเกิดขึ้นและแนวทางในการประเมินผลกระทบ
-
แนวทางในการระบุโอกาสในการเกิดขึ้น
-
กรอบเวลาของโอกาสและผลกระทบที่เกิดขึ้น
-
แนวทางในการกำหนดระดับความเสี่ยง
-
ระดับของความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้
-
ระดับของความเสี่ยงที่จะต้องจัดการ
การประเมินความเสี่ยงมุ่งเน้นประเมินตัวแปร
2
ตัวแปร คือ โอกาสการเกิด (Likelihood/Probability) และ ผลกระทบหรือความรุนแรง (Impact/Severity) ของความเสี่ยงแต่ละเหตุการณ์
การประเมินความเสี่ยงสามารถทำได้ทั้งเชิงคุณภาพที่จะอธิบายลักษณะ ขอบเขต
และระดับผลกระทบของความเสี่ยง
และเชิงปริมาณซึ่งเป็นการแสดงตัวเลขโอกาสการเกิดและระดับผลกระทบของความเสี่ยง
ซึ่งส่วนมากบริษัทธุรกิจนำเที่ยวนั้น เหมาะที่จะใช้วิธีการเชิงปริมาณมากกว่า
เนื่องจากเห็นภาพได้ชัดเจน ทั้งนี้การประเมินความเสี่ยงเชิงปริมาณมีหลากหลายรูปแบบ
แต่รูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง คือ “โอกาสเกิด x ระดับผลกระทบหรือความรุนแรงของความเสี่ยง”
ซึ่งมีขั้นตอนในการประเมินดังนี้
1) กำหนดค่าคะแนนโอกาสในการเกิดความเสี่ยงแต่ละเหตุการณ์
การกำหนดค่าคะแนนขึ้นอยู่กับขนาดองค์การและความซับซ้อนของธุรกิจและความสัมพันธ์ขององค์การกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ
เช่น องค์การขนาดเล็กกำหนดค่าคะแนนโอกาสการเกิดความเสี่ยง 3 คะแนน
องค์การใหญ่อาจกำหนดค่าคะแนนโอกาสการเกิดความเสี่ยง 15 คะแนน
หรือมากกว่านั้น
2) กำหนดค่าคะแนนระดับผลกระทบหรือความรุนแรงของความเสี่ยง
โดยทำเช่นเดียวกับการกำหนดค่าคะแนนโอกาสการเกิดความเสี่ยง
3)
นำค่าคะแนนของโอกาสการเกิดคูณด้วยค่าคะแนนระดับผลกระทบหรือความเสี่ยง
4)
จัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง โดยใช้ผลคะแนนที่คูณกันแล้ว
โดยความเสี่ยงที่มีค่าคะแนนสูงสุดคือความสี่ยงที่ต้องได้รับการจัดการในอันดับต้น
การจัดลำดับความเสี่ยงนั้นอาจเกิดความผิดพลาดได้จากความซับซ้อนของความเสี่ยง
กล่าวคือ ความเสี่ยงบางประเภทมีโอกาสเกิดขึ้นมากหรือเกิดขึ้นบ่อยแต่เมื่อเกิดแล้วไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก
ในขณะเดียวกันความเสี่ยงบางประเภทมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย
แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมีระดับความเสียหายสูง
ความสับสนในลักษณะนี้จึงทำให้บางองค์การมีการจัดลำดับความเสี่ยงที่ไม่ตรงตามสถานการณ์
ให้ความใส่ใจกับความเสี่ยงที่ไม่ได้ก่อความสูญเสียมาก
และละเลยความเสี่ยงที่ก่อความเสียหายระดับสูง
ในกรณีนี้จะทำให้องค์การนั้นใช้ทรัพยากรในการจัดการความเสี่ยงอย่างไม่เต็มที่
สูญเสียโอกาสนำทรัพยากรและเวลามากในการจัดการความเสี่ยงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
3)
การเลือกแนวทางในการตอบสนองความเสี่ยง
จากการสัมภาษณ์บริษัทนำเที่ยวนอกประเทศทั้ง
3
บริษัท พบว่าแต่ละบริษัทมีแนวทางในการตอบสนองความเสี่ยงแต่ละประเภทดังนี้
บริษัทนำเที่ยวออกนอกประเทศทั้ง 3 บริษัท มีการเลือกใช้แนวทางการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
(Avoidance) ที่เหมือนกัน นั่นก็คือ การไม่ดำเนินกิจกรรมใดๆ
ที่เกี่ยวเนื่องหรือก่อให้เกิดความเสี่ยงโดยเจ้าของหรือผู้บริหารอาจต้องปรับเปลี่ยนแผนขององค์กรเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
(Gray and Larson, 2006: 216) โดยบริษัท รุ่งทรัพย์
ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัดและบริษัท เอ็ม ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล จำกัด
ใช้แนวทางในการตอบสนองความเสี่ยงนี้ในการการตอบสนองความเสี่ยงด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ
โรคติดต่อ และการก่อการร้ายโดยบริษัท รุ่งทรัพย์
ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด จะไม่เดินทางไปในสถานที่ที่กำลังเผชิญภัยพิบัติอยู่
เช่น เมื่อเมืองหรือประเทศที่จะไปกำลังประสบเหตุภัยพิบัติอยู่ บริษัทจะยกเลิกการผลิตและการจำหน่ายรายการท่องเที่ยวไปเมืองนั้นๆชั่วคราว
หรือในกรณีที่ลูกค้าได้ชำระค่าบริการรายการนำเที่ยวนั้นแล้ว
แต่เกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นในวันเดินทาง
ก็ใช้แนวทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเช่นเดียวกัน โดยทางบริษัทต้องประสานงานกับสายการบินเพื่อยกเลิก
รวมถึงทำการสอบถามกับลูกค้าว่าจะยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางออกไป
ทั้งนี้ทางฝ่ายบริหารจะใช้ประสบการณ์มาตัดสินใจตามความเหมาะสม เช่นเดียวกับบริษัท
เอ็ม ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล จำกัด ที่สร้างรายการนำเที่ยวของบริษัทขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน
โดยพิจารณาจากประเทศที่มีความปลอดภัยสูง และเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่า การนำเที่ยวไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่ ซึ่งการออกแบบรายการนำเที่ยว
ถือเป็นการลดความเสี่ยงวิธีหนึ่งของบริษัท แต่หากกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เช่น การเกิดสึนามิในประเทศญี่ปุ่น
ทางบริษัทจะยกเลิกรายการนำเที่ยวในพื้นที่เสี่ยง
หรือนำเที่ยวไปยังเมืองที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแทน เป็นต้น
ในขณะที่บริษัท จอย แทรเวล
จำกัด ใช้แนวทางการแบ่งความเสี่ยง (Share) ในการการตอบสนองความเสี่ยงด้านนี้
ซึ่งก็คือการให้บุคคลหรือองค์การอื่นรับความเสี่ยงบางส่วนโดยองค์การเองยังคงต้องรับความเสี่ยงอื่นๆ
ด้วยเช่นกัน
ซึ่งจะต่างจากการถ่ายโอนความเสี่ยงที่เป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงทั้งหมดให้แก่บุคคลหรือองค์การอื่น
โดยบริษัท จอย แทรเวล จำกัด ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันกับสายการบินหรือโรงแรมหากมีการยกเลิกทัวร์เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
ทางสายการบินและโรงแรมที่ติดต่อไว้จะคืนเงินให้กับบริษัทตามที่ตกลงกันไว้ ตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้เช่น
เหตุการณ์ไข้หวัดเมิร์ซที่เกาหลีระบาดทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองทัวร์เป็นจำนวนมากส่งผลให้ทางบริษัททัวร์จำเป็นต้องยกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินและห้องพัก
ต่อมา
นอกจากนี้ บริษัท
จอย แทรเวล จำกัด ยังมีการใช้แนวทางการบรรเทาหรือลดความรุนแรงของความเสี่ยง
(Mitigation/Reduction)
ในการตอบสนองความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางนี้เป็นการยอมเผชิญความเสี่ยงแต่หาวิธีการลดความรุนแรงของความเสี่ยงซึ่งสามารถทำได้
2 วิธี คือ การป้องกันเพื่อลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยง
และการลดความรุนแรงของผลกระทบเมื่อเกิดความเสี่ยง โดยการติดตามราคาของคู่แข่งว่ามีราคาเท่าไรและจะไม่ตั้งราคาให้ต่างกันจนเกินไป
เพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบ เพราะปัจจัยด้านราคามีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าค่อนข้างมาก
บริษัทที่ตั้งราคาได้ถูกกว่าจะดึงดูดให้เกิดการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้มากกว่าบริษัทที่ตั้งราคาแพง
ความเสี่ยงด้านคู่แข่งจากการแข่งขันในเรื่องราคาเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้บริษัทถูกลูกค้ายกเลิกการจอง
ในขณะที่บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด ก็ได้นำแนวทางในการตอบสนองความเสี่ยงนี้มาใช้ในการตอบสนองความเสี่ยงด้านการวางแผนการเงินประจำปี
โดยการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีรายรับรายจ่ายเท่าไร
แจกแจงว่ามีรายการอะไรบ้าง
แล้วคำนวณออกมาให้อยู่ในสถานการณ์ที่สามารถจัดการเงินไปใช้ได้อย่างพอเพียงและเหมาะสม
และติดตามและตรวจสอบสภาวะทางการเงินองค์การอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการใช้แนวทางการบรรเทาหรือลดความรุนแรงของความเสี่ยง
(Mitigation/Reduction) โดยใช้วิธีลดความรุนแรงของผลกระทบเมื่อเกิดความเสี่ยง
เพราะการทำแผนการเงิน ทำให้ทราบถึงการจัดสรรเงินแต่ละส่วน หากส่วนใดเกิดปัญหา
อาจนำเงินสำรองไปจัดการปัญหานั้นๆได้ และยังใช้แนวทางการถ่ายโอนความเสี่ยง (Transfer) ในการตอบสนองความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เป็นการทำสัญญากับบุคคลอื่นหรือองค์การให้ยอมรับความเสี่ยงแทน
โดยส่วนใหญ่เป็นการทำประกันภัย บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด มีการทำประกันภัยในรูปแบบการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
ช่วยให้บริษัทสามารถบริหารผลกำไรให้มีความแน่นอนได้
ทำให้ผลการดำเนินธุรกิจไม่ผันผวนตามอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ยังมีอีกแนวทางหนึ่งในการตอบสนองความเสี่ยง
นั่นก็คือ แนวทางในการยอมรับความเสี่ยง (Acceptance) ที่แม้ว่าเจ้าของหรือผู้บริหารสามารถลดความเสี่ยงตามแนวทางหรือกลยุทธ์ที่กล่าวข้างต้น
แต่ในความเป็นจริงหรือบางสถานการณ์ ผลกระทบบางอย่างยังไม่สามารถจัดการได้หมด
เจ้าของหรือผู้บริหารก็จำเป็นต้องยอมรับผลกระทบที่ยังคงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม
การยอมรับความเสี่ยงจะเป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในกรณีที่ความเสี่ยงมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นและความสูญเสียที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบไม่รุนแรง
หรือในกรณีที่การถ่ายโอนความเสี่ยงไปยังองค์การอื่นนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อองค์การยอมรับความเสี่ยง
4) การพัฒนาแผนจัดการความเสี่ยง
เมื่อผู้บริหารได้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วจึงจัดทำแผนจัดการความเสี่ยง การกำหนดแผนจัดการความเสี่ยงจะมีการนำเสนอแผนจัดการความเสี่ยงที่จะดำเนินการต่อที่ประชุมคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณาและขออนุมัติการจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ดำเนินการ
(ถ้ามี) และจะนำไปถ่ายทอดแก่บุคลากรทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติงานเพื่อให้เข้าใจและดำเนินการจัดการความเสี่ยงไปในทิศทางเดียวกัน
5) การดำเนินงาน
สื่อสาร ติดตาม และปรับแผน เมื่อองค์การได้จัดทำแผนจัดการความเสี่ยงแล้ว องค์การต้องทำการสื่อสาร
โดยถ่ายทอดข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงให้ทุกแผนกได้รับรู้อย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ในการดำเนินงานประกอบไปด้วยการควบคุม ซึ่งควรคำนึงถึงความคุ้มค่าในด้านค่าใช้จ่ายและต้นทุน
กับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับด้วย โดยกิจกรรมการควบคุมควรมีองค์ประกอบดังนี้
-
วิธีการดำเนินงาน (ขั้นตอน, กระบวนการ)
-
การกำหนดบุคลากรภายในองค์กรเพื่อรับผิดชอบการควบคุมนั้น ซึ่งควรมีความรับผิดชอบ
1) พิจารณาประสิทธิผลของการจัดการความเสี่ยงที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
2) พิจารณาการปฏิบัติเพิ่มเติมที่จำเป็น
เพื่อเพิ่มประสิทธิผลของการจัดการความเสี่ยง
-
กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของงาน
รวมถึงต้องมีการติดตามและปรับแผนให้เหมาะสมกับบริษัทของตน
ประวัติของบริษัทจัดนำเที่ยวที่ให้ข้อมูล
-
บริษัทรุ่งทรัพย์
ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด
บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวิล
จำกัด เปิดมาแล้วเป็นเวลา 22 ปี
ประธานกรรมการบริษัท คือ คุณมนูญ พิพัฒนนันท์
เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจท่องเที่ยวมากว่า 40 ปี
มีลูกค้าที่ติดต่อประจำ มีความสัมพันธ์อันดีกับสายการบินต่างๆ
และตัวแทนการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จึงทำให้การบริหารงานบริษัทมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และคุณอนันต์
พิพัฒนนันท์ กรรมการผู้จัดการ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการตลาด จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการเงินและการธนาคาร
ได้รับการอบรมหลักสูตรมัคคุเทศก์
และเมื่อมีเวลาว่างจากการเรียนก็จะมาช่วยกิจการของบริษัทโดยจัดรายการนำเที่ยว
แนะนำการท่องเที่ยว และเริ่มเป็นหัวหน้าทัวร์ตั้งแต่ปี 2524 โดยใช้เวลาช่วงปิดเทอม
นำทัวร์ต่างประเทศในประเทศใกล้เคียงก่อน
เมื่อมีประสบการณ์จึงเริ่มพาทัวร์ในระเทศที่ไกลและใช้ความสามารถมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าบุคลกรฝ่ายบริหารของบริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ แทรเวิล จำกัด
มีประสบการณ์การทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง ซึ่งประสบการณ์นี้
ได้ส่งผลถึงกระบวนการและการปฏิบัติงานที่ดีขององค์การ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทจะเน้นที่กลุ่มลูกค้าคนไทยที่ต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีน ซึ่งทางบริษัทมีฝ่ายที่ดูแลทัวร์จีนโดยเฉพาะ
นอกเหนือจากการนำเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 50 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ทางบริษัทยังมีการให้บริการจำหน่ายบัตรโดยสารของสายการบินทุกสายในโลก
การให้บริการจองโรงแรมที่พัก และยานพาหนะทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 ประเทศ
รวมถึงการรับจองและจัดทำการท่องเที่ยวทางทะเลของเรือสำราญ
-
บริษัท เอ็ม ดี ทัวร์
แอนด์ เทรเวิล
บริษัท เอ็ม ดี ทัวร์ แอนด์ เทรเวิล
จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยคุณมนัส
จันทร์เพ็ญและภรรยาเป็นผู้ก่อตั้ง
ทั้งสองเริ่มต้นจากการทำธุรกิจขายเฉพาะตั๋วเครื่องบิน
เมื่อดำเนินธุรกิจไปได้ระยะหนึ่ง เริ่มมีกำไรและมีฐานลูกค้าพอสมควร
จึงพัฒนามาเป็นบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า
โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทเริ่มจากคนใกล้ตัว ญาติ เพื่อน และลูกค้าเก่า
จากการนำเที่ยวแบบครอบครัวไปยังประเทศฮ่องกง
จากนั้นก็ขยายไปยังประเทศอื่นๆทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป
ปัจจุบันเป็นบริษัทตัวแทนให้บริการท่องเที่ยว ที่ดำเนินงานด้วยมาตรฐานการบริการนำเที่ยวต่างประเทศมากว่า
30 ปี โดยมีรายการนำเที่ยวหลักๆคือ อเมริกา แคนาดา เอเชีย
ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรป ญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ กลุ่มเป้าหมายของบริษัท
เป็นลูกค้าที่มีกำลังในการใช้จ่ายสูง
เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีความภักดีและส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า ซึ่งจะเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก
บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนนี้
จึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์มากนัก
-
บริษัท จอย แทรเวล
จำกัด
บริษัท จอย แทรเวล จำกัด เป็นบริษัทนำเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งเปิดกิจการมาแล้วเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง โดยมีผู้ร่วมลงทุนเป็นชาวเกาหลี ปัจจุบันทำธุรกิจในลักษณะรายการนำเที่ยวภาคพื้นดิน
จัดหารถ มัคคุเทศก์ และจัดทำอาหารรวมถึงบริการการท่องเที่ยวซึ่งมี 4 ประเทศ คือ
สิงคโปร์ พม่า เกาหลี ไทย และเวียดนามที่กำลังจะเปิดในสิ้นปี
โดยดำเนินการภายใต้คอนเซ็ป “the best memories” แนวคิดคือ เน้นความรู้สึกและประสบการณ์ดีๆ ต่อลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ามีความทรงจำที่ดีต่อการท่องเที่ยวกับบริษัท
รวมถึงมีการสื่อสารกับบุคลากรอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของบริษัท คือ การบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
โดยเน้นการสร้างความประทับใจและให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ สำหรับรายการนำเที่ยวที่โดดเด่นของบริษัทคือ Reward
Trip Design ซึ่งเป็นการออกแบบโดยคำนึงถึงความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละท่าน
เพื่อสร้างความประทับใจ สร้างการจดจำ Technical Visit Design Trip สำหรับการดูงาน
การศึกษางาน เหมาะสำหรับนักศึกษา พนักงานระดับบริหาร
หรือองค์กรที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบุคคลากรขององค์
ซึ่งไม่จำกัดสถานที่ Privilege Trip Go On Demand Korea สำหรับกลุ่มที่ต้องการท่องเที่ยวแบบส่วนตัว
ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบการท่องเที่ยวให้เป็นในแบบที่ต้องการ สามารถปรับตารางการท่องเที่ยวได้ตามใจ
นอกเหนือจากรายการนำเที่ยวต่างๆ ทางบริษัทยังมีการให้บริการ การจองตั๋วเครื่องบินเพื่อการเดินทางในทุกรูปแบบ
และทุกสายการบินอีกด้วย
สรุป
การจัดการความเสี่ยงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์การสามารถจัดการกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถวางแผนการป้องกันและรับมือกับสิ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดในอนาคต
เป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดกับองค์การให้มีความเสียหายน้อยที่สุด
ทำให้องค์การรู้เท่าทันสถานการณ์และเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม
พร้อมทั้งสรรหาและพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะและประสิทธิภาพตามที่องค์การต้องการ
อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้องค์การมีความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง
ทั้งนี้ทั้งนั้น การจัดการความเสี่ยงไม่ใช่ความรับผิดชอบของผู้บริหารฝ่ายเดียว
แต่ยังรวมไปถึงพนักงานทุกฝ่ายในองค์การ ซึ่งล้วนสามารถช่วยในการหาแนวทางป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงของแต่ละแผนกได้เช่นกัน
______________________________________________
เอกสารอ้างอิง
นุชนารถ
รัตนสุวงศ์ชัย. 2557. การจัดการธุรกิจนำเที่ยว. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:
ภาค
วิชาศิลปาชีพ คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ.
การบริหารความเสี่ยง. เข้าถึงได้จาก: http://
www.thai-sciencemuseum.com/risk/.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 5 พฤษจิกายน 2558).
ดร.
ชัยเสฏฐ์ พรหมศรี. 2550. การบริหารความเสี่ยง. กรุงเทพฯ:
บริษัท เอ็กซเปอร์เน็ท
จำกัด.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.
2557. กรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร (ERM
Framework. เข้าถึงได้จาก: https://www.set.or.th/th/about/overview/files/ Risk_2015_v2.pdf.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 7 พฤษจิกายน 2558).
วิสสุตา
แจ้งประจักษ์. 2558. ทิศทางการบินของไทยหลังการแจ้งเตือนของ ICAO.
เข้าถึงได้จาก: https://www.scbeic.com/th/detail/product/1358.
(สืบค้นเมื่อวันที่ 15
พฤษจิกายน 2558).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น