รูปแบบและแนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อม
ของธุรกิจจัดนำเที่ยวออกนอกประเทศ
นิสิตภาควิชาศิลปาชีพ กลุ่มที่ 1 ปีการศึกษา 2558
คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
บทคัดย่อ
บทความชิ้นนี้
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและแนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบ
Outbound
โดยมีประเด็นการศึกษาต่างๆ ได้แก่ รูปแบบการทำธุรกิจ
ลักษณะโครงสร้างองค์การ กลุ่มตลาดเป้าหมายของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบ Outbound ผลิตภัณฑ์การบริการ
แนวโน้มธุรกิจขององค์การ สิ่งแวดล้อมธุรกิจในภาพรวม สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโลกและไทยต่อธุรกิจ
Outbound องค์การคู่แข่งและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยวแบบ
Outbound โดยได้นำประเด็นศึกษาทั้งหมดนี้มาวิเคราะห์และอ้างอิงจากเอกสารที่ได้มาจากการสัมภาษณ์องค์การธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบOutbound และเอกสารอ้างอิงอื่นๆ
จากการรวบรวมและศึกษาข้อมูลข้างต้นพบว่าแนวโน้มของธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบ
Outbound
ในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวในประเทศออกเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะมีการออกเดินทางมากขึ้น
รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของโลกเปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวแบบOutbound
จึงต้องมีการปรับตัวในอนาคตเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและปัจจัยต่างๆที่เป็นผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว
______________________________________________
รูปแบบและแนวโน้มธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบOutbound
รูปแบบการบริการและขอบเขตหน้าที่การรับผิดชอบของธุรกิจนำเที่ยวแต่ละแบบนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทเงินทุนและประเภทของการจัดนำเที่ยว
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วธุรกิจนำเที่ยวจะแบ่งประเภทได้2แบบ คือ
1)
Tour
Agency หรือ ธุรกิจตัวแทนท่องเที่ยว คือ
หน่วยงานที่รับหรือนำรายการท่องเที่ยวที่ผลิตโดยบริษัทธุรกิจจัดนำเที่ยว(Tour
Operator) มาขายโดยรับค่านายหน้า(Commission)เป็นค่าตอบแทน
2)
Tour
Operator / Tour Company หรือธุรกิจนำเที่ยว
คือ หน่วยงานที่ผลิตรายการนำเที่ยวหรือPackage Tour ประกอบไปด้วยค่าคมนาคม
ค่ายานพาหนะ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่านำเที่ยว ค่าเข้าชม และอื่นๆ
เมื่อผลิตรายการนำเที่ยวได้แล้วก็ต้องทำการโฆษณาตามสื่อต่างๆ
ทำแผ่นพับหรือโบรชัวร์ แจกจ่ายให้กับบริษัทตัวแทนตัวแทนท่องเที่ยว หรือ Travel
agency
รูปแบบการทำธุรกิจ
ในปัจจุบันลักษณะการทำธุรกิจแบ่งออกเป็น3แบบด้วยกัน คือแบบบุคคลธรรมดา,
ห้างหุ้นส่วนและแบบบริษัทจำกัด ซึ่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบOutboundจะเป็นในลักษณะของบริษัทจำกัดเสียส่วนมาก ซึ่งบริษัทจำกัดเป็นรูปแบบการจัดตั้งธุรกิจที่ต่อยอดมาจากรูปแบบธุรกิจที่มีเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในอดีต
โดยบริษัทจำกัดจะมีรูปแบบการก่อตั้งในลักษณะที่เป็นนิติบุคคล หมายถึง การรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลเพื่อดำเนินการสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยมีกฎหมายเป็นผู้รับรองการมีตัวตนอยู่จริง
โดยบริษัทจะต้องมีผู้ร่วมลงทุนอย่างน้อยที่สุด 3
คน แบ่งทุนออกเป็นหุ้นๆและมีมูลค่าหุ้นแต่ละตัวเท่ากันทั้งหมด
โดยผู้ถือหุ้นจะมีส่วนรับผิดชอบตามจำนวนของหุ้นที่ตนเองถือเท่านั้น
ซึ่งประเภทธุรกิจจำกัดมีข้อดีข้อเสียดังต่อไปนี้
ข้อดี (อิงค์ควิตี้, ม.ป.ป.)
·
ตามจำนวนหุ้นที่ถือจริง
ข้อนี้ถือเป็นประโยชน์ที่เด่นชัดมากที่สุดของการจัดตั้งบริษัทในรูปแบบนี้
เพราะจำนวนเงินผลกำไรโดยเฉพาะในเรื่องของภาระหนี้สินจะถูกคิดตามจริงโดยนับจากจำนวนหุ้นที่ถือในบริษัท
ไม่มีการกินส่วนเกินนำไปหักจากทรัพย์สินส่วนตัวเมื่อเกิดภาวะขาดทุนขึ้นกับบริษัท
·
บริษัทจำกัดเกิดขึ้นจากผู้ถือหุ้นที่มีจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
นั่นหมายถึงข้อจำกัดในเรื่องเงินทุนที่เป็นปัญหาสำหรับธุรกิจที่มีเจ้าของแต่เพียงคนเดียวจะถูกขจัดออกไป
ผู้ประกอบการมีช่องทางในการเรียกระดมทุนได้ค่อนข้างมาก เช่น
วิธีการขายหุ้นของบริษัท เป็นต้น
·
บริษัทจำกัดจะมีเงินลงทุนที่มากมายมหาศาลอันเกิดจากเงินของหุ้นส่วนแต่ละคน
ดังนั้นปัจจัยข้อผูกมัดทางการบริหารจะไม่ได้ถูกผูกติดอยู่ที่เจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
จึงเป็นจุดกำเนิดของการจ้างผู้บริหารระดับมืออาชีพที่มีความรู้เฉพาะทางเข้ามาบริหารงานแทนเพื่อให้ธุรกิจสามารถทำกำไรตอบแทนผู้ถือหุ้นได้มากที่สุด
ข้อเสีย
· เพราะความที่บริษัทจำกัดต้องดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมายทำให้มีระเบียบที่คอยควบคุมการจัดตั้งบริษัทค่อนข้างมากจึงไม่ค่อยเหมาะสมกับผู้ประกอบการที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของกฎหมายธุรกิจสักเท่าไหร่
รายได้ทุกอย่างต้องถูกแบ่งตามสัดส่วน
ปัญหาข้อนี้จะเกิดขึ้นหากมีผู้ประกอบการคิดว่าส่วนแบ่งที่ตนเองได้ไม่คุ้มค่ากับที่ตนเองดำเนินการลงมือทำไปจริงๆ
เพราะบางธุรกิจผู้ที่ถือหุ้นเยอะที่สุดบางครั้งมักจะไม่ใช่ผู้ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยทำธุรกิจเอง
จึงเกิดความน้อยใจสำหรับผู้ที่ถือหุ้นน้อยกว่าที่คิดว่าตัวเองถูกเอาเปรียบจากผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ
·
อำนาจบริหารมักจะถูกผูกขาดไว้ที่ผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุด
ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่ใช่ผู้ที่ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทก็ยากที่จะกำหนดทิศทางการทำธุรกิจให้เป็นไปตามรูปแบบที่ตนเองต้องการ
ขาดความคล่องตัวในการตัดสินใจ
ธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องแข่งขันกับเวลาเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการต่อสู้กับธุรกิจคู่แข่ง
แต่เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างลำบากมากหากเป็นบริษัทจำกัด
เพราะทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจต้องเอาเข้าที่ประชุมเพื่อผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น
แตกต่างกับธุรกิจที่มีเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวที่การตัดสินใจสามารถทำได้โดยทันที
·
มีข้อกำหนดตามกฎหมายที่ถูกระบุเป็นตัวอักษรอย่างชัดเจนให้ธุรกิจที่จัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดต้องส่งตัวเลขงบดุลต่างๆทางบัญชีไปให้สำนักทะเบียนพาณิชย์เพื่อทำการเปิดเผยต่อสาธารณชน
จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียเงินจ้างบริษัทบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตมาเป็นผู้ตรวจสอบและจัดการในเรื่องดังกล่าวให้
จากข้อดี ข้อเสียดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
การบริหารบริษัทประเภทจำกัดสามารถทำได้ง่าย และเมื่อบริษัทเกิดภาระหนี้สินจะไม่ตกแก่ผู้บริหารฝ่ายเดียว
หากผู้ประกอบการและผู้ถือหุ้นมีความเชื่อใจกันและดำเนินปฏิบัติตามกฎหมายที่ซับซ้อนได้
ดังนั้นธุรกิจนำเที่ยวOutbound
ขนาดย่อมจึงเลือกตั้งบริษัทประเภทดังกล่าว
ลักษณะโครงสร้างองค์กร
ในปัจจุบันโครงสร้างองค์กรนั้นแบ่งออกเป็น3แบบด้วยกัน
กล่าวคือ
1)
แบบแนวดิ่ง เป็นการแบ่งงานในองค์กรออกเป็นแผนกงาน
ออกเป็นชั้นหรือระดับตามแนวดิ่ง โดยยึดความสำคัญของอำนาจบังคับบัญชาและหน้าที่
ลดหลั่นกันไปตามสายการบังคับบัญชา มีผู้บริหารสูงสุดมีอำนาจในการวางแผนและตัดสินใจ
ซึ่งบางบริษัทมีการแบ่งระดับชั้นมากจะทำให้โครงสร้างองค์กรเป็นรูปทรงสูง จึงอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความล่าช้าในการสื่อสาร
การประสานงานและตัดสินใจจนทำให้ขาดความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสถานการณ์ของธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
2)
แบบแนวนอน เป็นการจัดองค์กรแบบแนวราบโดยมุ่งเน้นแบ่งเป็นแผนกงานตามหน้าที่
และมุ่งความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ มีสายบังคับบัญชาตามแนวนอนและมีการปรับงานให้กระชับมากขึ้น
เช่น ในทีมงานกระบวนการบริหารด้านบัญชีอาจครอบคลุมหน้าที่ทั้งในด้านการขาย
การออกเอกสารใบเสร็จและงานบริการเข้าด้วยกัน
โดยตัดงานใดก็ตามที่ไม่เพิ่มมูลค่าหรือรายได้ออกไป มีการใช้ข้อมูลข่าวสารผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงทั่วองค์กร
โดยเฉพาะตามแนวนอนที่รอจากระดับบนสู่ระดับล่าง
จึงช่วยให้การทำงานตัดสินใจของฝ่ายต่างๆถูกต้องแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้โครงสร้างองค์กรแบบนี้ยังช่วยให้พนักงานมีความใกล้ชิดกับทั้งลูกค้าภายในและภายนอกมากขึ้น
กล่าวคือ มีโอกาสได้ซักถาม
ได้ข้อมูลย้อนกลับรวมทั้งได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาใดๆที่อาจเกิดขึ้น
3)
แบบผสม เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ซับซ้อนในปัจจุบัน
ทำให้องค์การต่างๆใช้โครงสร้างแบบผสมเพื่อมุ่งความเป็นดุลยภาพของการบริหาร แม้แต่ในธุรกิจนำเที่ยวเองก็เช่นกัน โดยทุกแผนกได้รับคำสั่งจากผู้บริหารเป็นแนวดิ่งก่อน
แต่ละแผนกมีการทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น แผนกบัญชีจะทำหน้าที่ด้านการเงินด้วย
ส่วนแผนกจัดทัวร์และรายการนำเที่ยวจะทำหน้าที่การตลาดด้วยเช่นกัน ดังเช่นกรณีศึกษาในการสัมภาษณ์บริษัทอูดาชิ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจนำเที่ยวประเภทoutbound เป็นบริษัทขนาดเล็ก
คือทางบริษัทมีพนักงาน15คน
ก็จะมีการแบ่งงานแบบควบหน้าที่คือแผนกหนึ่งทำมากกว่าหนึ่งหน้าที่แต่เป็นขอบเขตงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
หรือบางครั้งอาจมีการจ้างพนักงานที่เป็นoutsource มาดูแลลูกทัวร์ด้วยนั่นเอง
กลุ่มตลาดเป้าหมาย
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวขนาดย่อมแบบOutboundในปัจจุบัน ค่อนข้างหันมาเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นองค์กรมากขึ้น เช่น
กลุ่มตลาดMICE และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
โดยจัดโปรแกรมจัดนำเที่ยวตามความต้องการของลูกค้า
ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้มักเป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่ใช้บริการประจำรวมทั้งลูกค้าใหม่ทีได้มากจากการบอกต่อของลูกค้าประจำด้วย
ผลิตภัณฑ์การบริการ
ประกอบไปด้วยการจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน, การทำVISA บริการสำรองที่พัก โรงแรม บังกะโล
รีสอร์ทต่างๆ จัดรายการนำเที่ยวและกิจกรรมต่างๆตามความต้องการของลูกค้า รับจัดสัมมนา
งานเลี้ยงสังสรรค์ ซึ่งการคิดราคาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากTour operator ส่วนหนึ่ง และคิดราคาตามต้นทุนของลูกค้าอีกส่วนหนึ่ง
ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจบริษัททัวร์คือ การบริการที่ดูแลเอาใจใส่
และรายการนำเที่ยวที่มีราคาสมเหตุสมผล ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงรายการนำเที่ยว
ปรับรายการนำเที่ยวให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
สิ่งดังกล่าวจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัททัวร์มีความโดดเด่นและเกิดword of
mouth ซึ่งเป็นการตลาดช่องทางที่สำคัญอีกชองทางหนึ่งของธุรกิจSME
แนวโน้มธุรกิจขององค์กร
ผลสำรวจฉบับล่าสุดเกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวระดับโลกของวีซ่าประจำปี
2558(Visa Global Travel Intentions Study 2015) เผยให้เห็นว่าในรอบสองปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากถึง 89% ออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศและมากสุดถึง 5 ทริปต่อคน
จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวแบบ Outbound แต่ในขณะเดียวกันความนิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกันซึ่งเป็นในช่วงกลุ่มอายุ18-35ปี สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางด้วยตัวเองเหล่านี้ (81%) นิยมทำการจองผ่านระบบออนไลน์ และสามในสี่ของนักท่องเที่ยวชาวไทย (75%)
เลือกใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าและบริการระหว่างการท่องเที่ยว
เพราะเป็นวิธีการชำระเงินที่พวกเขาพึงพอใจ
แนวโน้มสำหรับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวแบบOutbound จึงอาจต้องมีการปรับตัวในอนาคต เช่นการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์การบริการ,การให้บริการออนไลน์ที่ครอบคลุมมากขึ้น
รวมถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่จะเป็นรายได้หลักในอนาคต
โดยจากผลสำรวจพบว่ากลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป(ซุปเปอร์บูมเมอร์)
นั้นเลือกการเดินทางกับบริษัททัวร์ท่องเที่ยวและให้ความสำคัญกับราคาที่จับต้องได้ต้องรู้สึกว่าคุ้มค่าคุ้มราคา
ความซับซ้อนของความต้องการที่มากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวแบบOutboundจะต้องนำมาพิจารณาเพื่อให้ธุรกิจยังคงอยู่ต่อไป
สิ่งแวดล้อมธุรกิจในภาพรวม
สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจนั้นสามารถจำแนกออกได้เป็น
2
ประเภทคือ สิ่งแวดล้อมภายใน (Internal Environment) และสิ่งแวดล้อมภายนอก (External Environment) โดยที่สิ่งแวดล้อมภายใน (Internal Environment) หมายถึงปัจจัยหรือสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรธุรกิจซึ่งสามารถควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการได้และจัดเป็นปัจจัยหลักที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงกับธุรกิจเป็นหลักเช่น
จุดแข็ง (Strength) และจุดอ่อน (Weakness) องค์ประกอบสภาพแวดล้อมภายในเช่น โครงสร้างองค์กร กลยุทธ์องค์กร บุคลากร
วัฒนธรรมองค์กร องค์ประกอบอื่นๆ เช่น พันธะกิจของบริษัทเป็นต้น ส่วนสิ่งแวดล้อมภายนอก (External Environment) หมายถึงปัจจัยภายนอกหรือสิ่งแวดล้อมภายนอกองค์กรธุรกิจ
ซึ่งองค์กรกรธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้แต่มีผลกับความเปลี่ยนแปลงระบบการตลาด
สร้างให้เกิดทั้งโอกาส (Opportunity) และ อุปสรรค (Treat)
ซึ่งสิ่งแวดล้อมภายนอกสามารถจำแนกออกเป็น สิ่งแวดล้อมภายนอกแบบจุลภาค
และสิ่งแวดล้อมภายนอกแบบมหภาค โดยสิ่งแวดล้อมภายนอกแบบจุลภาคประกอบไปด้วย
· ตลาด หรือลูกค้า เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการในผลิตภัณฑ์
มีเงินที่จะซื้อ มีความปรารถนาที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและมีอำนาจในการตัดสินใจในการซื้อ
โดยธุรกิจนำเที่ยวในปัจจุบันควรให้ความสำคัญในเรื่องของอำนาจการต่อรองของลูกค้า
เพราะในปัจจุบัน
ลูกค้ามีช่องทางและตัวเลือกในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น
· ผู้ขายปัจจัยการผลิตหรือวัตถุดิบ เช่น ที่พัก บริษัทที่ให้บริการเรื่องการเดินทางขนส่ง ร้านอาหาร
แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพราะจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ
หากมีต้นทุนการผลิตที่สูงเกินไป หรือไม่สามารถจัดส่งวัตถุดิบไปตามเวลา ก็จะทำให้ธุรกิจมีความเสียหาย
·
คนกลางทางการตลาด
เป็นหน่วยที่ช่วยกระจายสินค้าจากบริษัทออกไปยังลูกค้าสามารถแบ่งออกได้เป็น คนกลาง ในลักษณะแบบพ่อค้าคนกลาง ที่ช่วยกระจายผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวไปยังผู้บริโภค
และสถาบัน(Agent) หรือ
ธุรกิจตัวแทนที่มาดำเนินการช่วยจัดจำหน่าย
· คู่แข่งขัน บริษัทจะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องสามารถตอบสนองความต้องการ และสร้างความพึงพอใจได้เหนือกว่าคู่แข่งขัน ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องทำมากกว่าการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป้าหมาย แต่ต้องสามารถวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในจิตใจของลูกค้าได้เหนือกว่าคู่แข่งขันไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งขันทางตรงและคู่แข่งทางอ้อม
· ผลิตภัณฑ์ทดแทน หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าในการซื้อ ยิ่งจำนวนของสินค้าทดแทนมากขึ้นเท่าใด
กำไรส่วนเกินก็ยิ่งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารจึงควรเปลี่ยนอุปสรรคเป็นโอกาส
โดยที่ธุรกิจจะต้องพยายามสร้างคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
ที่แตกต่างเหนือกว่าคู่แข่งขัน และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
ส่วนสิ่งแวดล้อมภายนอกแบบมหภาค แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่ สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับงาน
เป็นสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในทางอ้อม สภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น สภาพเศรษฐกิจโดยรวม
เทคโนโลยี การเมืองและกฎหมาย สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกทางธุรกิจนั้นจัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจเป็นอย่างมาก
แม้ไม่ได้เป็นทางตรงแต่เนื่องจากมีอำนาจหรือแรงที่สามารถฉุดหรือผลักดันทิศทางของธุรกิจได้ผ่านทางลักษณะปัจจัยในด้านต่างๆ
ดังที่ได้ยกตัวอย่างข้างต้น ตัวอย่างเช่น การพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลก มีผลต่อการพัฒนาศักยภาพการทำงานภายในองค์กรและมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของบุคลากร
เช่นการช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรหรือนำมาทดแทนการใช้แรงงานของบุคลากร ซึ่งเป็นการส่งผลจากสภาพแวดล้อมภายนอกสู่สภาพแวดล้อมภายใน
นอกจากนี้เทคโนโลยียังสามารถพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายหรือสื่อสำหรับการแพร่กระจายข่าวสารซึ่งมาจากการสื่อสารภายนอกที่ไม่ได้มาจากกระบวนการทำงานภายในองค์กรเช่นการแพร่กระจายข่าวสารของลูกค้าผู้เคยมีประสบการณ์หรือการทำการตลอดแบบปากต่อปากผ่านตัวอักษรในสื่อออนไลน์เป็นต้น
สังเกตได้ว่าเทคโนโลยีนั้นมีผลในการพัฒนาและผลักดันตัวองค์กรที่ปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในจากผลกระทบของสภาพแวดล้อมภายนอกไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
และในทางกลับกันสภาพแวดล้อมภายนอกเช่นสื่อสังคมหรือเทคโนโลยีก็ควบคุมได้ยาก
ในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อทางบริษัทจากประสบการณ์ของลูกค้าข่าวสารที่ไม่สามารถควบคุมได้ผ่านสื่อเทคโนโลยีมักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอๆ
สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจโลกและไทยต่อธุรกิจ
Outbound
ธุรกิจการจัดนำเที่ยว
Outbound
หรือรูปแบบธุรกิจที่นำคนภายในประเทศออกไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ
ธุรกิจในลักษณะนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและปัจจัยต่างๆภายนอกอยู่หลากหลายลักษณะ
ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ธุรกิจการจัดนำเที่ยว outbound
ทั้งในด้านกระบวนการทำงานและโอกาสหรืออุปสรรค
1)
ด้านของทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจทั่วโลกนั้นส่งผลต่อธุรกิจ Outbound ในลักษณะของค่าเงินต่างประเทศที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเงินตราซึ่งมีอัตราการแกว่งตัวหรือที่เรียกว่าค่าเงินของแต่ละสกุลเงินไม่เท่ากันซึ่งอัตราการแลกเปลี่ยนดังกล่าวไม่ใช่อัตราคงที่แต่เป็นอัตราค่าเงินที่มีการปรับขึ้นและลดลงขึ้นกับปัจจัยและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในแต่ละภาคส่วนส่งผลกระทบกันไปเป็นลูกโซ่
ค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยนนั้นมีผลต่อกระบวนการดำเนินการของบริษัททั้งการจัดโปรแกรม
การคำนวณราคาสำหรับการจัดโปรแกรมและกำไร เป็นต้น
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (2558)
โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศจีนและญี่ปุ่นที่ยังชะลอตัวลง
ส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและกลุ่มประเทศยุโรปยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงเศรษฐกิจโลกในภาพรวมให้ฟื้นตัวได้
ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวค่อนข้างช้า ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคในประเทศที่ยังคงชะลอตัวและการส่งออกที่ยังคงไม่ฟื้นตัว
การคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2558 เหลือร้อยละ 2.7-3.2 จากเดิมร้อยละ 3.0-4.0 (เอวิกานต์
บัวคง,
2558) แต่ก็มีกลไกที่ทำให้ฟื้นตัวได้แก่ การลงทุนภาครัฐที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ความเชื่อมั่นของเอกชนมีการลงทุนเพิ่ม และการเอื้ออํานวยต่อการดําเนินโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
ทำให้การลงทุนและเศรษฐกิจขยายตัว (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ, 2558: 1)
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างมากเทียบกับเงินสกุลหลักและภูมิภาคโดยเป็นผลมาจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนในเดือนพฤษภาคมอ่อนค่าไปอยู่ระดับสูงกว่า 33 บาท/ดอลลาร์ (ททท, 2558 : 2-3) ผลกระทบส่วนหนึ่งมาการอ่อนตัวของค่าเงินหยวน
4.6% ในช่วงวันที่ 11-13 สิงหาคม
พ.ศ.2558 เพี่อที่จีนสร้างความได้เปรียบจากการส่งออกเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งจากการค้าระหว่างประเทศ
ถ้าประเทศใหญ่ทำแบบนี้จะทำให้การอ่อนค่าเงินของประเทศพัฒนาได้ประโยชน์น้อยลง
ประเทศจีนมีการผูกค่าเงินตั้งแต่ปี 1997-2005 โดยรักษาค่าเงินหยวนให้อยู่นิ่งที่
8.27 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐได้เกือบสิบปี
พร้อมๆกับการเกินดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สหรัฐเริ่มกล่าวหาว่าจีนจงใจทำให้ค่าเงินอ่อนกว่าความเป็นจริง (ศูนย์วิจัยกสิกร,
2558) ซึ่งการอ่อนตัวของค่าเงินมีอิทธิพลอำนาจการซื้อของและการบริการของนักท่องเที่ยวมีความประหยัดมากขึ้น
นอกจากนี้ ด้านสถานการณ์ทั่วไป มีผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ ส่งผลกระทบต่อตลาดการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ประมาณ
437,500 คน หรือหายไปประมาณร้อยละ 8.9 ข่าวการระบาดของโรคในเกาหลีใต้ที่ทำให้มีประชาชนเสียชีวิต
ได้สร้างความตื่นตัวโดยทางการไทยเพิ่มมาตรการการติดตามโรค
ไม่ให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจ เนื่องจากประเทศเกาหลีใต้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย
ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและสายการบิน
โดยเฉพาะในกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ
ต่างให้ความสำคัญในการทำตลาดด้วยกลยุทธ์ด้านราคาอย่างเข้มข้น
จูงใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2558
จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ประมาณ 437,500
คน ลดลงร้อยละ 8.9 จากคาดการณ์เดิมก่อนที่จะมีการระบาดของโรค
ซึ่งคาดว่าจะมีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ประมาณ 480,000 คน น่าจะทำให้ตลาดไทยเที่ยวเกาหลีใต้หดตัวประมาณร้อยละ 6.1 จากปี 2557 โดยคาดการณ์เดิมคาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ
3.0 จากปี 2557 (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, 2558) ดังนั้นธุรกิจนำเที่ยวจึงต้องปรับแผนธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงของตลาดนี้
ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจุดหมายปลายทางเที่ยวประเทศอื่น
จากเหตุการณ์ดังกล่าวผลกระทบของเศรษฐกิจโลกทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวมากนัก
ส่งผลต่อการอำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวลดลงทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางภายในประเทศมากขึ้น
แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางส่วนยังคงเดินทางนอกประเทศโดยหันมานิยมเดินทางประเทศใกล้เคียงแทน
โดยข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวไทยร้อยละ
13
มีแผนการท่องเที่ยวต่างประเทศ (ททท.
2558)
2)
ด้านเทคโนโลยี มีส่วนช่วยในการลดภาระและขั้นตอน
เพิ่มศักยภาพ ลดระยะเวลาหรืออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆหลายด้านซึ่งรวมถึงการทำงาน
การพัฒนาศักยภาพของกระบนการการดำเนินงานขององค์กร ช่องทางการจัดจำหน่าย
การทำการตลาด การประชาสัมพันธ์และอื่นๆอีกมาก
ในปัจจุบันพบว่า ผู้คนใช้ สื่อผ่านโลกออนไลน์
และsocial
media ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น พบว่า ในปี 2554
มีจำนวนผู้ใช้ Google ในการค้นหาข้อมูล
มากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน และFacebook กว่า 800ล้านคนทั่วโลก
และประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในปี 2553 มากกว่า 21
ล้านคน จากข้อมูลดังกล่าว
ทำให้ธุรกิจ หันมาให้ความสนใจพัฒนาช่องทางสื่อออนไลน์เพื่อตอบสนองนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ททท.
ยังให้ความรู้หลักในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการทำตลาดท่องเที่ยวให้สามารถแข่งขันได้
(อัสวิน จิตต์จำนงค์,
2558)
การพัฒนาของกระแสเทคโนโลยีนั้นมีผลต่อการเข้าถึงของลูกค้าและผู้บริโภคเช่นกันซึ่งการเลือกช่องทางที่จะสื่อสารหรือการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
สำหรับประเด็นเสริมในด้านเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น เทคโนโลยีมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนบางประการ
ลดการใช้ทรัพยากรอื่นหรือลดค่าใช้จ่ายหรือขั้นตอนบางอย่างที่ซ้ำซ้อนหรือต้องทำหลายๆครั้งให้น้อยลงได้
เทคโนโลยียังมีบทบาทสำคัญในลักษณะทางธุรกิจ เช่น Pre-Service และ Post-service
ด้วย
ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการสามารถรับข้อมูลข่าวสารหรือเลือกหาข้อมูลข่าวสารผ่านการใช้เทคโนโลยีได้ง่ายมากขึ้นและเช่นเดียวกันความถึงพอใจหลังการใช้บริการนั้นก็สามารถแพร่สะพัดผ่านช่องทางข่าวสารต่างๆ
ตัวอย่างการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวคือการพัฒนา Mobile
application ที่เป็นช่องทางที่มีความสะดวกและใกล้กับผู้คนในยุคปัจจุบันที่สุดผู้คนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อตนเองกับเครือข่ายออนไลน์และทำธุรกิจผ่านหน้าจอโทรศัพท์ได้จากทุกที่ทุกเวลา
โดยปัจจุบันทางธุรกิจการท่องเที่ยวแบบ SME เองก็สามารถใช้หลักการดังกล่าวในการเข้าถึงลูกค้าได้เช่นกัน
เช่น การเปิดขายผ่านหน้าเว็บไซต์แทนที่ลูกค้าจะต้องเข้ามาซื้อที่สำนักงาน การกระจายข่าวผ่านแหล่งโซเชียลมีเดียต่างๆ
ซึ่งถือว่าเป็นการทำการตลาดและเป็นการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างหลากหลายเส้นทาง
3)
ด้านการเมืองและกฎหมาย ซึ่งจัดเป็นปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศปลายทางที่ทางบริษัทจัดนำเที่ยวจะนำกลุ่มลูกค้าของตนไปและส่งผลต่อจำนวนของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่ต้องการจะเดินทางออกนอกประเทศ
โดยจากการสุ่มสัมภาษณ์ผู้ประกอบการณ์หนึ่งได้ให้ข้อมูลว่าหลังเกิดเหตุการณ์วางระเบิดที่ศาลพระพรหม
บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และการออกกฎห้ามข้าราชการออกไปดูงานต่างประเทศ
ส่งผลให้เกิดผลกระทบกับผลกำไรของบริษัทค่อนข้างมากเนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของทางบริษัทเป็นข้าราชการ
นอกจากนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวทำให้รัฐบาลมีกลยุทธ์แผนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวไทยปี
2558 และพบประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยว Outbound ดังนี้
·
สร้างความเชื่อมั่นและสร้างการรับรู้คุณค่า
สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยทางบวกต่อเนื่องจากปี 2557 “ท่องเที่ยววิถีไทย”
ขายแหล่งท่องเที่ยว วิถีชีวิต วัฒนธรรม
เน้นการสื่อสารที่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของนักท่องเที่ยวให้ลึกมากขึ้นเกิดการบอกต่อ
(Word of mouth) เพื่อส่งต่อประสบการณ์ (Share) ผ่านช่องทางการสื่อสาร
·
สร้างศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน
(AEC) โดยเป็นจุดนำเข้าและส่งออก
นักท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมให้กลุ่มเพื่อนบ้านให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยโดยเน้นกลยุทธ์
WIN-WIN Marketing กับคู่ค้าในภูมิภาค
เน้นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่แตกต่าง เน้นสร้างสมดุลทางการค้า (ททท, 2558)
จะเห็นได้ว่า ปี 2558 ประเทศไทยเน้นกลยุทธ์ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางภายในประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อกันการไหลของเงินตราออกนอกประเทศ
ส่งผลกระทบต่อธุรกิจนำเที่ยว Outbound ที่รัฐบาลยังไม่ช่วยประชาสัมพันธ์มากนัก
และโอกาสการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านAEC ก็เป็นโอกาสทางการตลาดของธุรกิจนำเที่ยวอีกเช่นเดียวกัน
ด้านความคืบหน้ากฎหมายธุรกิจนำเที่ยวในปี
2558
ได้มีการพัฒนาออกระเบียบให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่จะประกอบธุรกิจ
"นำเที่ยว” ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการท่องเที่ยวก่อน
แล้วจึงนำหลักฐานมายื่นขอจดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
หากไม่มีใบอนุญาตหมดสิทธิ์ประกอบธุรกิจ เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ของไทยมักประสบปัญหาชาวต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการท่องเที่ยวแต่แอบอ้าง
หรือใช้ชื่อคนไทยจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า,
2558) รัฐบาลยังเห็นชอบ พรบ.ร่างฉบับล่าสุด ซึ่งจะออกมาทดแทนฉบับเดิมที่ใช้ตั้งแต่ปี
2551 เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการนำเที่ยว
และเพื่อแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
ไม่คิดค่าบริการที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง,
กำหนดหลักเกณฑ์และลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการนำเที่ยว ทั้งด้านภาษา
รวมถึงความรอบรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของไทย ฯลฯ (ไทยพับลิก้า, 2558) นอกจากนี้การเปิดประชาคมอาเซียน
เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานและส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศและเดินทางออกนอกประเทศให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในฐานะการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน
เมื่อพิจารณาในบริบทกฎหมายภายในพบว่า
ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย
ยกตัวอย่างเช่น
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการระงับข้อพิพาทระหว่างสายการบินกับบริษัททัวร์รวมถึงผู้ใช้บริการสายการบินทั้งในประเทศและสายการบินระหว่างประเทศให้มีความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมมากขึ้น
การให้สิทธิและการกำหนดหน้าที่ในการประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เหมาะสม
กฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยในกรณีได้รับความเสียหายจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
เป็นต้น (กฎหมายกับการพัฒนา, 2557) ดังนั้น
ธุรกิจนำเที่ยวจะต้องพัฒนาบุคลากรทั้งขีดความสามารถการนำเที่ยวและภาษาเพื่อให้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด
และเตรียมรับมือกับสถานการณ์เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น
นโยบายห้ามข้าราชการดูงานที่ต่างประเทศ ทำให้กลุ่มข้าราชการลดลง
ก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดและหากลุ่มตลาดเป้าหมายอื่นทดแทน
การเมืองและกฎหมายยังส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
ความมั่นคงและความมั่นใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยวและการทำธุรกิจนำเที่ยวออกนอกประเทศ
หากประเทศปลายทางอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนหรืออาจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้นั้นประเทศปลายทางดังกล่าวก็อาจจะถูกประกาศเตือนจากประเทศต้นทางในการเดินทางไปประเทศปลายทางและประเทศที่กำลังประสบปัญหาก็ไม่มีจิตใจที่จะเดินทางออกนอกประเทศเช่นเดียวกับกรณีภัยธรรมชาติและอื่นๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศในการเดินทางเข้าประเทศ การทำ VISA
หรือกฎหมายทางการทูตต่างๆในการเดินทางด้วยซึ่งหากมีขั้นตอนการทำยุ่งยากและผ่านได้ยากจะส่งผลให้คนนั้นอยากไปประเทศนั้นๆลดลง
4)
ด้านของสังคมและวัฒนธรรม เป็นประเด็นด้านความแตกต่างทางด้านการใช้ชีวิตซึ่งส่งผลในลักษณะการปรับตัวของนักท่องเที่ยวเมื่อเดินทางไปยังประเทศปลายทางซึ่งมีวัฒนธรรมแตกต่างกับตัวนักท่องเที่ยวแสดงออกมาได้ทั้งในแง่บวกและลบขึ้นกับตัวนักท่องเที่ยว
ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวมีหน้าที่ในการสร้างความเข้าใจให้แก่นักท่องเที่ยว
ในปัจจุบันสังคมไทยให้ความสนใจกับชุมชน
การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
และสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุ
ปัจจุบันมีจำนวนประชากรสูงอายุเป็นจำนวนมากคือ
ประมาณร้อยละ 10
ของประชากรทั้งหมด และในปี 2050 จะมีผู้สูงอายุถึงประมาณ
25% ของประชากรทั้งหมด (ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, 2557) รวมถึงการให้ความสำคัญกับคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวและใช้สื่อสารสนเทศในการท่องเที่ยวมากขึ้น
เกิดรูปแบบของการท่องเที่ยวที่มีความสนใจการท่องเที่ยวเฉพาะทาง เช่น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวแบบผจญภัย
การท่องเที่ยวเชิงกีฬา ฯลฯ ปัจจัยดังกล่าวทำให้ธุรกิจนำเที่ยวมีทางเลือกกลุ่มตลาดเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ปัจจัยวัฒนธรรมและประเพณีไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากไม่ใช่เรื่องเฉพาะหน้า
หากเป็นเรื่องที่สืบทอดกันมานานแล้วของทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนในประเทศ
หากแต่มีผลต่อการจัดการและการดำเนินงานของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Outbound เช่นกัน
นอกจากนี้ ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก
หากพิจารณาทางประเทศไทยเราควรวิเคราะห์ประเด็นที่สำคัญต่อธุรกิจนำเที่ยวOutbound ได้อีก 2 ประเด็น ได้แก่
1)
องค์การคู่แข่ง จำนวนบริษัทนำเที่ยวที่ได้รับการจดทะเบียนจากกรมการท่องเที่ยวในปี 2558 มีจำนวนทั้งหมด 11,347 บริษัท (กรมการท่องเที่ยว,
2558) จะเห็นได้ว่าภาวการณ์แข่งขันธุรกิจนำเที่ยวมีความกดดันมากทั้งธุรกิจนำเที่ยวinbound
และ outbound ซึ่งธุรกิจนำเที่ยวโดยเฉพาะSME
จะต้องเผชิญความกดดันทั้งหลักประกันที่ก่อตั้งบริษัทกับกรมการท่องเที่ยวจำนวน 200,000 บาท ค่าจัดตั้งองค์กร ค่าจองทริป ค่าจ้างพนักงาน
ภาวะกดดันจากคู่แข่งทั้งรายใหม่และรายเก่าที่มีโปรแกรมการท่องเที่ยวเหมือนกันและแข่งกันลดราคา
อำนาจการต่อรองของผู้ชื้อที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้อินเตอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น
การเปรียบเทียบราคากับบริษัทนำเที่ยวอื่น รวมถึงแรงกดดันจากสินค้าทดแทน
ยกตัวอย่างเช่น การพักผ่อนดูรายการท่องเที่ยวที่บ้านหรือดูทางอินเตอร์เน็ต
การช้อปปิ้งทดแทนการท่องเที่ยว (สุชนนี
เมธิโยธิน, 2557 : 2-3) ดังนั้นบริษัทนำเที่ยวจะต้องสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็น การสร้างโปรแกรมรายการนำเที่ยวให้มีความแตกต่าง หรือการมองหากลุ่มตลาดเฉพาะ
2)
สมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยว Outbound ถึงแม้ว่าภายในประเทศไทยยังไม่มีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
Outbound เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และรักษาผลประโยชน์ธุรกิจร่วมกัน อันเนื่องมาจาก
นโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่เน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศส่งเสริมธุรกิจ
Inbound มากกว่า
แต่ผู้ประกอบการนำเที่ยวบางส่วนมีการเป็นพันธมิตรร่วมกันในการแลกเปลี่ยนลูกค้า
โดยจากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น
เมื่อเปรียบเทียบธุรกิจนำเที่ยว Outbound เทียบกับกระแสธุรกิจโลก
พบว่า ธุรกิจนำเที่ยวOutbound ขนาดย่อมไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมมากนัก
เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดเล็ก ทางด้านปัจจัยเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับบริษัทจะทำธุรกิจนำเที่ยวประเทศใดบ้าง
หากประเทศโซนยุโปที่มีเศรษฐกิจยังไม่ดีมากนัก
ค่าเงินอ่อนลงทำให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจเที่ยวมากขึ้น
โดยเฉพาะประเทศรัสเซียที่มีปัญหากับยูเครนทำให้ค่าเงินอ่อนลง
ส่งผลให้บริษัททัวร์ได้รับกำไรที่ดี
แต่ปัจจัยภายในที่นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อน้อยจากเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวก็ทำให้นักท่องเที่ยวเที่ยวภายในประเทศหรือท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียงมากกว่าประเทศที่มีค่าเงินแพงกว่าประเทศตนเองมาก
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากที่สุดคือเทคโนโลยี ที่บริษัทนำเที่ยวต้องตามให้ทันพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่าปัจจุบันบริษัทจัดนำเที่ยวแบบ SME ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานของตัวเองให้เข้ากับยุคปัจจุบันทั้งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าช่วยมีการทำแพ็คเกจทัวร์ตามงบที่ลูกค้าร้องขอเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการหาลูกค้า
การทำแพ็คเกจทัวร์ให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง หรือการยึดมั่นในด้านคุณภาพของสินค้าของตน เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจในการใช้บริการสูงสุด
เป็นต้น
นอกจากนี้ธุรกิจนำเที่ยว Outbound
ขนาดย่อมยังคงเผชิญหน้ากับความกดดันภายในประเทศมากกว่า
เห็นได้จากภาวะการแข่งขันของบริษัทที่นับวันมีจำนวนสูงขึ้น
หากบริษัทไม่พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการจะทำให้ศักยภาพการแข่งขันหรืออยู่รอดภายในธุรกิจนี้เป็นไปได้ยาก
ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการท่องเทียวภายในประเทศและไม่มีสมาคมสำหรับธุรกิจนำเที่ยว Outbound เพื่อเอื้อผลประโยชน์ร่วมกันเลย
______________________________________________
บรรณานุกรม
กฎหมายกับการพัฒนา. (2557). กฎหมายการท่องเที่ยวของไทยกับการเตรียมความพร้อมสู่
AEC. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/564358.
กรมการท่องเที่ยว. (2558). รายชื่อธุรกิจนำเที่ยว. สืบค้นจาก
http://tourism.go.th/home/
details/11/0/24427.
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์.
(2558). จัดตั้งธุรกิจนำเที่ยว ต้องได้ไปเขียวจากกรม
การท่องเที่ยวก่อน
บังคับใช้แล้ว 1
ก.ค.
58. 2558. (81). สืบค้นจาก http://www.dbd. go.th/ewt_news.php?nid=12603&filename=index.
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2558).
สรุปแผนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวประจำปี
งบประมาณ 2558.
สืบค้นจาก http://marketingdatabase.tat.or.th/
download/ file_upload/Untitled%20attachment%2000032.pdf.
โครงการการรายงานและพยากรณ์สถานการณ์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของ
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย. (2558). ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยไตรมาสที่
2
ปี 2558.
2-5. สืบค้นจาก http://www.m-society.go.th/article_attach/14377/18074.pdf.
ฉัตรพร เสมอใจ. (2552).
การจัดการธุกิจขนาดย่อม. กรุงเทพ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
เดลินิวส์. (2558). เหตุระเบิดแนกราชประสงค์
ดับฝันท่องเที่ยวไทยหรือไม่. สืบค้นจาก
http://www.dailynews.co.th/economic/342589.
ไทยพับลิกา. (2558). ประยุทธ์
รับทำโผปรับ ครม.จบแล้ว รอทูลเกล้าฯ ยังห่วงภัยแล้ง ชี้ฝนตก
แต่น้ำเข้าเขื่อนน้อย
-
ไฟเขียว กม. นำเที่ยวใหม่สกัดทัวร์ศูนย์เหรียญ. สืบค้นจาก http://thaipublica.org/2015/08/ncpo-cabinet-2558_35/.
ไทยพาณิชย์. (2555). โอกาสและผลกระทบของ
AEC
ต่อธุรกิจ SME ไทย.
สืบค้นจาก
http://www.scbsme.com/th/business-knowledge/business/193/chance-and- impact.
พารณี. (2558). สสว.เผย SMEs ปี 2558 11 รุ่ง… 4 ร่วง. สืบค้นจาก http://www.sentangsed
tee.com/news_detail.php?rich_id=1447§ion=17&column_id=49.
ศ.ดร.
เกรียงศักด์ เตริญวงศ์ศักดิ์. (2557). แนวโน้มโลก 2050 ตอนที่ 3
: สังคมโลก…สังคมฃ
ผู้สูงอายุ. สืบค้นจาก http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/611956.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2558). การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสเมอร์สกระทบตลาดการท่องเที่ยว
ไทย -เกาหลีใต้. สืบค้นจาก
http://www.banmuang.co.th/news/economy/20142.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2558). ลดค่าเงินหยวนกระทบไทยจำกัด. สืบค้นจาก
http://www.dailynews.co.th/economic/341469.
สำนักยุทธศาสตร์ปละการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค. (2558). ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก
ปี 2558 และแนวโน้มปี 2558. 1. สืบค้นจาก http://www.nesdb.go.th/Portals/0/
eco_datas/economic/eco_state/1_58/PressThaiQ1-2015.pdf.
สุชนนี เมธิโยธิน. (2555). การเคลื่อนไหวทางการแข่งขันของธุรกิจนำเที่ยวแบบ
Outbound [ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์]. วารสารวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์บูรพาปริทัศน์, 55(7),
2-7.
อิงค์ควิตี้. (2556). ข้อดีและข้อเสียของการจัดตั้งธุรกิจเป็นบริษัทจำกัด. สืบค้นจาก
http://incquity.com/articles/startup/pros-cons-limited-company
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น